หน่วยที่
8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนอผลงาน
หลักการนำเสนอผลงาน
ในหน่วยงานการเรียนรู้ก่อนๆ
ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานรูปแบบต่างๆ มาบ้างแล้วการสร้างผลงานที่ดีนั้นต้องอาศัยความรู้และทักษะตลอดจนความคิดสร้างสรรค์แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสะสมประสบการณ์จากการที่ได้พบเห็นจากตัวอย่าง
ในหน่วยการเรียนรู้นี้
จะกล่าวจากการนำเสนอผลงานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่หาได้ทั่วไป
การนำเสนอผลงานมีวัตถุประสงค์คือ
1. ให้ผู้ชมเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอ
2. ให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ
ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อถือในผลงานที่นำเสนอการนำเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนศึกษานั้น มีเหตุผลเบื้องลึกคือ
ทั้งตาและหูพร้อมกันนั้นทำให้เกิดการรับรู้ที่ดีกว่า รวมทั้งเกิดความสามารถในการ
จดจำได้มากกว่าการรับโดยผ่านตาหรือหูอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวจึงได้มีการพัฒนาสื่อโสตทัศนศึกษารูปแบบต่างๆ ขึ้นมาใช้ในงาน
หลักการขั้นพื้นฐานของการนำเสนอผลงานมีจุดเน้นที่สำคัญคือ
1.1 การดึงดูดความสนใจ
โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจเมื่อมอง
ดังนั้นการเลือกองค์ประกอบต่างๆ เช่น สีพื้น แบบสี และขนาดของตัวอักษร รูปประกอบ
ฯลฯ ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้
1.2 ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหาส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน
แต่ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมผัสอย่างสร้างสรรค์กับข้อความที่ต้องการสื่อความหมายการใช้ภาพประกอบมีประโยชน์มากดังคำพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า "A picture is worth a words" หรือ "ภาพภาพหนึ้งที่มีค่าเทียมเท่าคำพูดหนึ่งพันคำ"
แต่ประโยคนี้คงไม่เป็นความจริงหากภาพนั้นไม่มีความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับความหมายที่ต้องการสื่อ
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ภาพใดประกอบจึงควรตอบคำถามให้ได้เสียก่อนว่าต้องการใช้ภาพเพื่อสื่อความหมายอะไรและภาพที่จะเลือกมาน้ันสามารถทำหน้าที่สื่อความหมายเช่นนั้นจริงหรือไม่
1.3 ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
การสร้างจุดเน้นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น
กลุ่มเบ้าหมายเป็นเด็กการใช้สีสดๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม
แต่ถ้าเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นำเสนอเป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจการใช้สีสันมากเกินไปและการใช้รูปการ์ตูนอาจจะทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ของการเอาจริงเอาจังไป
เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอผลงาน
ก่อนยุคคอมพิวเตอร์
การนำเสนอผลงานในที่ประชุมสัมมนามักจะใช้เครื่องมือสองอย่างคือ เครื่องฉายสไลด์ (Slide projector) และเครื่องฉายแผ่นใส
การใช้เครื่องฉายสไลด์ค่อนข้างยุ่งยาก
เพราะต้องใช้กล้องถ่ายรูปใส่ฟิล์มพิเศษที่ล้างออกมาแล้วเป็นภาพสำหรับฉายโดยเฉพาะ
และต้องนำฟิล์มนั้นมาตัดใส่กรอบพิเศษจึงจะนำเข้าเครื่องฉายได้
ข้อดีของการฉายสไลด์คือ ได้ภาพที่สวยงามและชัดเจน แต่ข้อเสียคือ
ต้องฉายในห้องที่มืดมาก
เครื่องฉายแผ่นใสเป็นเครื่องที่ใช้งานทั่วไปได้มากกว่าทแผ่นใสที่ใช้ตามปรกติมีขนาดประมาณ
8 นิ้วคูณ 10 นิ้ว มีสองแบบคือแบบใชัปากกา (พิเศษ)
เขียน กับแบบที่ใช้เครื่องถ่ายเอกสาร
แผ่นใสแบบใช้กับเครื่องถ่ายเอกสารใช้เขียนได้แต่แบบเขียนใช้กับเครื่องถ่ายเอกสารไม่ได้เพราะแผ่นใสจะละลายติดเครื่องถ่ายเอกสารทำให้เครื่องเสียเวลา
ซื่อแผ่นใสจึงต้องใช้ความระมัดระวังดูให้ดีว่าเป็นชนิดกับความต้องการหรือไม่
การฉายแผ่นใสสามารถทำได้ในห้องที่ไม่ต้องมืดมาก
เมื่อมาถึงยุคคอมพิวเตอร์
เครื่องมือที่ใช้นำเสนอผลงานก็เปลี่ยนไป
เครื่องมือหลักคือเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องฉายภาพจากคอมพิวเตอร์ (Data projector) เครื่องฉายภาพคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆ
มีขนาดใหญ่ต้องติดตั้งประจำที่ ข้างในมีหลอดภาพ 3 หลอด
ทำให้เกิดภาพแต่ละสีฉายผ่านเลนส์ออกมาปรากฏภาพบนหน้าจอ ความคมชัดยังไม่ดีนักและความสว่างของภาพก็ไม่มากพอ
ทำให้ต้องฉายในห้องที่ค่อนข้างมืด
เครื่องฉายรุ่นใหม่ได้แก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้ได้หมดแล้ว โดยใช้แผ่นผลึกเหลว หรือ LCD เป็นตัวสร้างภาพ
ทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลงมาจนสามารถพกพาได้
อีกทั้งความสว่างและความคมชัดก็ดีขึ้นมากจนสามารถฉายในห้องที่มีแสงสว่างปานกลางได้
วันที่ขาดมิได้ในการนำเสนอผลงานคือ
คำบรรยายหรือบทพากย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบด้านโสตหรือเสียงนั่นเอง
ข้อพิจารณาในเรื่องนี้ มีดังต่อไปนี้
1. การบรรยายสด
เหมาะสำหรับประชุมหรือสัมมนาที่ต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วมเพราะผู้บรรยายในกรณีนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเป็นอย่างดี
รู้ว่าควรจะเน้นตรงจุดใดและปฏิกิริยาจากผู้ชมสามารถติดตามความเข้าใจได้เพียงพอหรือไม่รู้ว่าส่วนไหนต้องอธิบายขยายความมากน้อยเพียงใด
2. การพากย์
เหมาะสำหรับเนื้อหาที่สามารถถ่ายทอดได้โดยไม่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ชมข้อดีคือสามารถเลือกใช้เสียงพากย์ที่มีความไพเราะน่าฟัง
สามารถเลือกใช้ดนตรีหรือเสียงประกอบ เพื่อสร้างบรรยากาศแต่ข้อเสียคือ
ไม่มีความยืดหยุ่นไม่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความรู้สึกของผู้ชมในขณะนั้น
(เช่นดนตรีแบ็คกราวช้าๆ เย็นๆ อาจเหมาะกับท้องเรื่อง แต่บังเอิญต้องนำเสนอช่วงหลังอาหารกลางวัน
ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกง่วงนอน)
รูปแบบการนำเสนอผลงาน
ในหัวข้อนี้
จะกล่าวถึงรูปแบบการนำเสนอผลงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ รูปแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี
2 รูปแบบ
1. การนำเสนอแบบ Slide presentation
1.1 โดยใช้โปรแกรม Power pointเป็นโปรแกรมนำเสนอผลงานใจชุด Microsoft Office เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายมากมีแม่แบบ (Template) ให้เลือกใช้หลายแบบ
องค์ประกอบหลักของแต่ละหน้าของการนำเสนอคือ หัวข้อ (Little) กับส่วนเนื้อหาหลัก (Body text) เนื้อหาหลักมักจะถูกนำเสนอในแบบของ Bull point คือการใช้เครื่องหมายพิเศษนำหน้าข้อความที่สั้นกะทัดรัด
แต่ได้ใจความมีการจัดลำดับความสำคัญของข้อความโดยการย่อหน้า
นอกจากข้อความแล้วอาจใช้ตาราง
แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และอาจมีการแต่งแต้มสีสันทั้งสีพื้น สีของตัวอักษร
และรูปแบบฟอร์มของตัวอักษรได้ด้วย การนำเสนอในรูปแบบ Presentation โดยใช้โปรแกรม Power point นี้
สามารถทำให้มีลักษณะของการเชื่อมโยงคล้ายไฮเปอร์แทกซ์ ของ Web page ได้ทั้งนี้ โดยใช้การเชื่อมโยงหลายมิติที่มีอยู่ในชุดโปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
รูปแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
(CAI) Computer Assisted
Instruction
CAI คือ โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ที่มีหน้าที่เป็นสื่อการเรียนการสอนเหมือนแผ่นใส (Transparent) สไลด์ (Slide) หรือวีดีทัศน์ (Video) ที่ ใช้ประกอบการเรียนการสอน
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายในเวลาอันจำกัด และตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียนนั้น ๆ
แต่เนื่องจากโปรแกรมเรียนคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ได้ครบทุกสื่อในเวลาเดียวและ
ควบคุมการนำเสนอได้ด้วยตัวเอง เรียกว่า “ สื่ออเนกทัศน์” หรือ
“ มัลติมีเดีย” (Multimedia) ทำให้ประหยัดและมีประสิทธิภาพสรุปได้ว่า
CAI คือ
- เป็นสื่อการเรียนการสอน
ช่วยผู้สอนทำการสอน
- เนื้อหาในโปรแกรมจะเป็นหน่วย ๆ
ตามบทเรียนนั้น ๆ
- ผู้เรียนสามารถนำไปทบทวนเนื้อหา
ศึกษาด้วยตนเอง
- ผู้สอนผู้สอน
หรือผู้มีประสบการณ์ในเนื้อหาวิชานั้นๆจะทำได้ดีที่สุด
- การใช้โปรแกรม Author ware
- การใช้
ระบบจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ Moodle
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น