หน่วยที่ 6 อินเทอร์เน็ต
ความหมายอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) นั้นย่อมาจากคำว่า International network หรือ Inter
Connection network หมายถึง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกันโดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมโยงด้วยTCP/IP
(Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เดียวกันเป็นข้อกำหนดเพื่อให้เกิดการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันวามหมายอินเทอร์เน็ต
ประวัติความเป็นมาอินเทอร์เน็ต
คือ
การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (ARPAnet =
Advanced Research Projects Agency Network) เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ
(U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ
ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมาค.ศ.1969(พ.ศ.2512) อาร์ป้าเน็ตได้รับทุนสนันสนุนจากหลายฝ่าย
และเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research
Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลง
ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราหลายๆ
ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา
•
สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ
ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
•
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
• นักศึกษาในมหาวิทยาลัย
สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัย
อื่นๆได้
ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
•
ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
•
สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
•
ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่างๆ ก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เช่น
การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้าแจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ ( Shareware)
หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
ด้านการบันเทิง
• การพักผ่อนหย่อนใจสันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป
• สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
• สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้
อินเทอร์เน็ต(Internet) คืออะไร
-คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย
รวมเป็นเครือข่าย
เดียวกันทั้งโลก
-คือ เครือข่ายสื่อสาร
ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย
-คือ
การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
-คือ
เครือข่ายของเครือข่าย
ประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ต
1.สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นทั่วโลก
2.สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆได้เสมือนกับเราไปนั่งอยู่ที่ห้องสมุดขนาดใหญ่ได้ข้อมูลมากมายจากทั่วทุกมุมโลก
3.เปรียบเสมือนเวลาที่ให้เข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ภายในห้องสนทนา(chat room) และกระดานข่าว(Web room) เป็นการเปิดโลกกว้างและวิสัยทัศน์ในเรื่องที่น่าสนใจ
4.สามารถติดตามเคลื่อนไหวจากข่าวสารทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
5.สามารถเปิดการค้าได้ด้วยตัวเอง
โดยไม่ต้องหาที่จัดตั้งร้านหรือพนักงานบริการแต่สามารถทำการค้าได้ด้วยตัวเองคนเดียว
6.สามารถซื้อสินค้า
โดยไม่ต้องเดินทางไปยังร้านค้าซื้อผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการ การชำระเงินก็สะดวก
เช่น ชำระผ่านบัตรเครดิต
การหักเงินผ่านบัญชีธนาคาร
7.สามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail) เป็นการส่งจดหมายที่ไม่ต้องเสียค่าบริการและรับส่งจดหมายได้ภายในและภายนอกประเทศนอกจากจดหมายที่เป็นข้อความแล้ว ยังส่งบัตรอวยพรในเทศการต่างๆได้อีก
8.สามารถอ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์
บทความ
และเรื่องราวต่างๆได้ฟรีเหมือนกับเราซื้อหนังสือฉบับนั้นมาอ่านเอง
9.สามารถติดประกาศข้อความต่างๆที่ต้องการประกาศให้ผู้อื่นทราบได้ เช่น
ประกาศขายบ้าน ประกาศสมัครงาน
ประกาศขอความช่วยเหลือ
โทษของอินเทอร์เน็ต
1.อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายเข้ามาใช้บริการ
เป็นเวทีเปิดกว้างและให้อิสระกับทุกคนที่เข้ามาเขียนข้อมูล
หรือติดประกาศต่างๆโดยปราศจากการกลั่นกรองที่ดีทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นจริงหรือไม่
2.เกิดปัญญาหาของการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น
การดาวน์โหลดเพลง
หรือรูปภาพมารวบรวมขาย
หรือเป็นปัญหาอย่างยิ่งคือการตัดต่อภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงให้กลายเป็นภาพแบบอนาจารหรือเสียหายได้
3.ก่อให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรม เพราะการเล่นอินเทอร์เน็ต เช่น
การล่อล่วงหญิงไปในทางที่ไม่ดีการก่อคดีข่มขืนเนื่องจากเว็บไซต์โป๊
โรคติดอินเทอร์เน็ต
โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic) เป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly SYoung
การประยุกต์ใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
คือระบบเครือข่ายสากลที่เกิดจากการรวมระบบเครือข่ายขนาดเล็กให้สื่อสารและ
แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้โดยเป็นเครือข่ายที่มีเทคโนโลยีระดับสูงซึ่งเปิดกว้างสู่สาธารณะอย่างแพร่หลายหรืออาจกล่าวได้ว่า
อินเตอร์เน็ตเป็นการผสมผสานกันของระบบเครือข่ายที่แตกต่างกันทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกันสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่นั้นจะสามารถเข้าถึงและใช้งานอินเตอร์เน็ตได้โดยเชื่อมต่อผ่านทางโมเด็ม
และสายโทรศัพท์ แต่ในความเป็นจริงนั้นเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ
ที่ใช้ในเครือข่ายนี้มีอยู่มากมายหลากหลาย ซึ่งมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยจะประกอบไปด้วยเครื่องเซิร์ฟเวอร์
(Server) เกตเวร์ (Gateway) เราเตอร์ (Router) และสายสื่อสารเป็นจำนวนมากที่เชื่อมต่อสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารในอินเทอร์เน็ต
เช่นเดียวกับการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารทั่วๆ
ไป ซึ่งมีหลักที่ควรคำนึงถึงดังต่อไปนี้
2.1
ใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมาย
2.2
ใช้คำให้เหมาะสมเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับกาลเทศะและเหมาะสมกับบุคคล
เช่นโอกาสที่เป็นทางการ โอกาสที่เป็นกันเอง หรือโอกาสที่เป็นภาษาเขียน
2.3
การใช้คำลักษณ์นาม
ใช้คำที่บอกลักษณะของนามต่างๆ
2.4
การเรียงลำดับคำ
2.5
แต่งประโยคให้จบกระแสความ
การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถทำได้หลายแบบ
ซึ่งแต่ละแบบจะต้องใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกันไป ดังนี้
การเชื่อมต่อแบบบุคคล
เป็นการเชื่อมต่อของบุคคลธรรมดาทั่วไป
ซึ่งสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่
อาจจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน เชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ ผ่านอุปกรณ์
ที่เรียกว่า โมเด็ม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก
เรามักเรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่า การเชื่อมต่อแบบ Dial-Up โดยผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ
ISP เพื่อขอเชื่อมต่อผ่านทาง SLIP หรือ
PPP account
การเชื่อมต่อแบบองค์กร
เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้ว
จะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นเข้าเชื่อมต่อกับ
ISP เพื่อเชื่อมโยง เข้าสู่ระบบ อินเทอร์เน็ตได้เลย
โดยผ่านอุปกรณ์ชี้เส้นทาง Router และสายสัญญาณเช่า (ตลอด 24
ชั่วโมง)
อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
1.คอมพิวเตอร์
ควรเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาของหน่วยประมวลผลตั้งแต่ 166 MHz มีหน่วยความจำหลัก RAM ตั้งแต่ 16 MB ขึ้นไป
2.โมเด็ม (Modulator
Demodulator Machine) คืออุปกรณ์ซึ่งทำหน้าที่แปลข้อมูลที่ได้จาก
เครื่องคอมพิวเตอร์ไปเป็นสัญญาณไฟฟ้ารูปแบบหนึ่ง (Impulse) ซึ่งสามารถส่งผ่านสายโทรศัพท์ทั่วไปได้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์นั้นจะเป็นสัญญาณอนาล็อก
ส่วนสัญญาณข้อมูลที่มาจากคอมพิวเตอร์จะเป็นสัญญาณดิจิตอล
ทำให้ต้องใช้โมเด็มในการแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอลและดิจิตอลเป็นอนาล็อกซะก่อน
โมเด็มสามารถแยกได้เป็น 3 ชนิด แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปดังนี้
-โมเด็มแบบติดตั้งภายใน
-โมเด็มแบบติดตั้งภายนอก
-PCMCIA (Personal Computer Memory
Card International Asociation) จะเป็นโมเด็มที่มีขนาดเล็กที่สุด
คู่สายโทรศัพท์ (Dial line) เป็นคู่สายโทรศัพท์บ้านสำหรับเชื่อมต่อกับโมเด็ม
บัญชีผู้ใช้งาน (Account) จากผู้ให้บริการเอกชน ISP หรือขององค์กร/หน่วยงานต่างๆ
เช่น SchoolNet1509
ซึ่งจะกำหนดหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการเชื่อมต่อ ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password)
ลักษณะการเชื่อมต่อแบบบุคคล
การเชื่อมต่อเริ่มจากผู้ใช้งาน (User) หมุนโมเด็มไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการที่มีโมเด็มต่ออยู่เช่นกัน
สัญญาณจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้จะถูกเปลี่ยนจากสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก
ผ่านคู่สายโทรศัพท์ไปยังโมเด็มฝั่งตรงข้ามเพื่อเปลี่ยนกลับสัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอลอีกครั้ง
สัญญาณขอเข้าเชื่อมเครือข่ายจะถูกส่งมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบสิทธิการใช้งานจาก
Username และ Password ว่าถูกต้องหรือไม่? ถ้าถูกต้องก็จะได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่อได้ สามารถจะทำการรับ-ส่งไฟล์
รับ-ส่งอีเมล์ สนทนาผ่านเครือข่ายออนไลน์ และท่องโลกกว้างไซเบอร์สเปซทาง WWW
ได้ทันที
บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ตเป็นบริการเพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการสื่อสารของผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ
ทั้งในระดับบุคคลกลุ่ม และองค์กร
ในปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการแบ่งปันความคิด ข้อมูล สารสนเทศ
รวมถึงความรู้ โดยอาศัยเครื่องมือ เทคโนโลยีหรือบริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
มีดังนี้
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
Mail)
จดหมายอิเลคทรอนิกส์หรือที่เรียกกันว่า E-mailเป็นการสื่อสารที่นิยมใช้กันมากเนื่องจากผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่ต้องการได้รวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงานเดียวกันหรืออยู่ห่างกันคนละมุมโลกก็ตามนอกจากนี้ยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก
องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2. ชื่อโดเมน Username@domain_name
องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2. ชื่อโดเมน Username@domain_name
พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
ปี พ.ศ. 2500 (1957)
โซเวียดได้ปล่อยดาวเทียม Sputnik ทำให้สหรัฐอเมริกาได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นดังนั้น
ค..ศ. 2512 (1969) กองทัพสหรัฐต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงทางการทหารและความเป็นไปได้ในการถูกโจมตี
ด้วยอาวุธปรมาณูหรือนิวเคลียร์ การถูกทำลายล้าง ศูนย์คอมพิวเตอร์
และระบบการสื่อสารข้อมูล อาจทำให้เกิดปัญหาทางการรบและในยุคนี้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีหลากหลายมากมายหลายแบบ
ทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และโปรแกรมกันได้ จึงมีแนวความคิด
ในการวิจัยระบบที่สามารถ เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ และแลกเปลี่ยนข้อมูล
ระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ ตลอดจนสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน
ได้อย่างไม่ผิดพลาด แม้ว่าคอมพิวเตอร์บางเครื่อง หรือสายรับส่งสัญญาณ
เสียดายหรือถูกทำลาย
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.๒๕๕๐
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย
ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่าอุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้า
ด้วยกัน โดยได้มีการกำหนด
คำสั่งชุดคาสั่ง
หรือสิ่งอื่นใด
และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
มาตรา ๔
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง
เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น