วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความซื่อสัตย์ (Integrity) ในการทำงาน"

                คุณเคยถามตัวคุณเองหรือไม่ว่า  "คุณมีความซื่อสัตย์ในการทำงาน"  มาก น้อยเพียงใด...ซึ่งแน่นอนว่า คุณต้องตอบว่า  "คุณมีความซื่อสัตย์ในการทำงาน"...ความซื่อสัตย์จึงเป็นคุณลักษณะที่สำคัญและเป็นที่ต้องการในทุกองค์การ ซึ่งความซื่อสัตย์นอกจากจะหมายถึง การรักษาความลับ ผลประโยชน์ และทรัพย์สินต่าง ๆ  ความซื่อสัตย์ยังหมายรวมไปถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและไม่บิดเบือนจากความเป็นจริง และการปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎข้อบังคับต่างๆ และยังพบว่าอีกว่ามีหลายองค์การได้กำหนดความซื่อสัตย์เป็นวัฒนธรรมองค์การ (Corporate Culture) หรือคุณค่าร่วม ( Core Value) ที่เกี่ยวข้องกับความคิดความเชื่อที่อยากให้บุคลากรทุกคนปฏิบัติ
                  แล้วทำไม?...คุณจะต้องมีความซื่อสัตย์ในการทำงาน ..... ความซื่อสัตย์ในการทำงานจะส่งผลโดยตรงต่อคุณลักษณะส่วนบุคคล (Personal Attribute) ของตัวคุณเองที่คนอื่นมองหรือรับรู้ในตัวคุณว่าเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์หรือไม่ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลต่อเนื่องไปยังหน่วยงานและองค์การของคุณเอง ทั้งนี้คุณลักษณะของความซื่อสัตย์จะมีความสำคัญและส่งผลต่อตัวคุณและต่อหน่วยงานของคุณ...สรุปได้ดังต่อไปนี้
                   1. การได้รับ ความไว้วางใจ จากหัวหน้างานของคุณ พนักงานที่มีความซื่อสัตย์ย่อมทำให้หัวหน้างานพร้อมและกล้าพอที่จะมอบหมายงานที่สำคัญหรือเป็นความลับของหน่วยงานให้กับคุณ เพราะหัวหน้าไว้วางใจตัวคุณเพราะรู้ว่างานที่มอบหมายให้ไปนั้นคุณต้องทำเสร็จและข้อมูลที่คุณทำนั้นมีความถูกต้องอย่างแน่นอน
                    2. ความน่าเชื่อถือ ได้ของตัวคุณ คุณจะได้รับการยอมรับและการกล่าวถึงในทางที่ดีจากบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือแม้กระทั่งผู้มาใช้บริการของคุณเอง เช่น ยอมรับว่าคุณมีความรับผิดชอบและความตั้งใจทำงาน เนื่องจากคุณไม่เคยที่จะขาดงานหรือมาสาย รวมทั้งข้อมูลที่คุณให้นั้นมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันเสมอ
                    3. สร้างผลงาน ( Performance) ของตัวคุณ ความซื่อสัตย์ทำให้คุณมีโอกาสทำงานใหญ่หรือสำคัญ ซึ่งอาจเป็นงานที่มีผลกระทบต่อหน่วยงาน  โดยคุณจะมีโอกาสแสดงฝีมือการทำงานของคุณและโอกาสนี้เองย่อมจะส่งผลต่อเนื่องไปยังผลผลการปฏิบัติงาน     (Performance) และมูลค่าเพิ่ม
 ( Added Value) ของตัวคุณเอง
                  4. รักษาผลประโยชน์ของหน่วยงาน...หากคุณมีความซื่อสัตย์แล้วล่ะก็ ย่อมหมายถึงคุณไม่ได้เอาเปรียบหน่วยงานแล้ว เนื่องจากคุณทำงานอย่างเต็มที่ ได้ปฏิบัติตามระเบียบและรักษาทรัพย์สินของหน่วยงานและรวมถึงคุณไม่เอาความลับของหน่วยงานไปเปิดเผยให้ผู้อื่นรับรู้ ซึ่งหมายถึงคุณกำลังรักษาผลประโยชน์ให้กับหน่วยงานของคุณเอง
                   หากจะวัดหรือประเมินความซื่อสัตย์ได้อย่างไร?... เช่น หากถามว่านาย ก มีความซื่อสัตย์มากกว่านาย ข นั้น เราจะพิจารณาหรือประเมินได้จากอะไรได้บ้าง และเพื่อทำให้หน่วยงานสามารถประเมินหรือวัดความซื่อสัตย์ได้ จึงทำให้หน่วยงานได้กำหนดความซื่อสัตย์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถอย่างหนึ่ง ( Competency) ซึ่งสามารถกำหนดได้เป็นความสามารถหลัก ( Core Competency) ที่เป็นความสามารถหรือพฤติกรรมที่ใช้วัดหรือประเมินบุคลากรสำหรับทุกคนและทุกตำแหน่งงาน
                   นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเป็นความสามารถในงาน ( Job Competency) ได้อีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมของความซื่อสัตย์นั้นสามารถกำหนดเป็นพฤติกรรมออกมาแยกเป็นระดับต่าง ๆ เพื่อใช้ประเมินผลและพัฒนาพนักงานได้ โดยขอยกตัวอย่างของการแบ่งพฤติกรรมความซื่อสัตย์ออกเป็น 5 ระดับ ดังต่อไปนี้


ลักษณะพฤติกรรม

1 (ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดอย่างมาก)

•  ให้ข้อมูลที่บิดเบือนจากความเป็นจริง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาหรือความเข้าใจผิดได้ •  หลีกเลี่ยงการตักเตือนหรือแจ้งผู้ที่ทำผิดระเบียบหรือกฎของหน่วยงาน •  ปฏิเสธและไม่ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยมักจะอ้างถึงผู้อื่นอยู่เสมอ •  ละเมิดระเบียบหรือกฎของหน่วยงานอยู่เสมอ

2 (ต่ำกว่ามาตรฐาน ที่กำหนด)

•  ดูแลและรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ขอหน่วยงานบ้างเป็นบางครั้ง •  ตักเตือนหรือแจ้งผู้ที่ทำผิดระเบียบหรือกฎของหน่วยงานเท่าที่จำเป็น
•  ไม่ประพฤติตนตามระเบียบหรือกฎของหน่วยงานเป็นบางครั้ง

3 (ตามมาตรฐาน ที่กำหนด)

•  รับฟังและไม่นำข้อมูลของผู้อื่นมาเปิดเผย •  ดูแลและรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของหน่วยงานอยู่เสมอ •  ไม่นำทรัพย์สินของส่วนหน่วยงานมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว •  ประพฤติตนตามระเบียบหรือกฎของหน่วยงานอยู่เสมอ

4 (สูง/เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด)

•  ไม่เปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานที่อาจสร้างความขัดแย้งหรือปัญหาให้เกิดขึ้นได้ •  ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสมกับกลุ่มคน เวลาและสถานการณ์ •  ตักเตือนสมาชิกในทีมเมื่อทำผิดระเบียบหรือกฎของหน่วยงาน •  ยอมรับและหาทางแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงานของตนเอง

5 (สูง/เกินกว่า มาตรฐานที่กำหนด อย่างมาก)

•  แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นพนักงานในองค์กรทำผิดระเบียบหรือกฎของหน่วยงาน•  ปลุกจิตสำนึกให้สมาชิกทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานมีจรรยาบรรณและคุณธรรมในการทำงานและในวิชาชีพของตน •  นำทรัพย์สินของตนเองมาใช้เพื่อให้การทำงานประสพผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
           ดังนั้น ความซื่อสัตย์จึงเป็นพฤติกรรมหรือความสามารถทางด้านหนึ่งที่คุณเองไม่ควรละเลยหรือเพิกเฉย คุณควรเริ่มสำรวจตัวเองว่าคุณมีความซื่อสัตย์ในการทำงานหรือไม่ และอยู่ในพฤติกรรมระดับไหน ทั้งนี้ขอให้คุณเปิดใจพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตนเองให้มีความซื่อสัตย์ในการทำงาน ซึ่งคุณเองอาจลืมหรือคิดไม่ถึงว่าพฤติกรรมความซื่อสัตย์ของตัวคุณเองนั้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสายตาของผู้อื่นและบุคคลรอบข้าง และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงผลประโยชน์ที่หน่วยงานจะได้รับ...

2 ความคิดเห็น:

  1. Woman Claims Giostar Misrepresented Efficacy of Stem Cell Treatment for Cancer, Other Diseases
    Woman Claims Giostar Misrepresented Efficacy of Stem Cell Treatment for Cancer, Other
    Diseases

    A proposed class action lawsuit alleges the companies and individuals behind Giostar.com have fraudulently touted both the efficacy of using stem cells to treat a number of blood-related diseases and their own apparent qualifications and affiliations within the medical community.
    The Orange County, California cancer survivor who filed the suit claims she paid more than $20,000 to defendants Global Institute of Stem Cell Therapy and Research USA, Giostar Labs, Bioscience Americas and four individuals based on the parties’ misrepresentations that stem cell treatment would be a “cure-all” for her Stage II Hodgkin lymphoma.
    According to the 42-page lawsuit, however, the plaintiff, who was 29 when she was diagnosed with the treatable form of cancer, took a preventable turn for the worse after the defendants administered stem cell treatment without first requiring the woman to undergo chemotherapy or radiation to kill the cancer cells, or properly matching injected cells with cells in the plaintiff’s body. The plaintiff claims that following treatment with the defendants, her cancer progressed from Stage II to Stage IV within months, leading a medical expert to inform the woman “it was unlikely she would survive for more than a year.”
    After receiving treatment in India from the defendants, who are not licensed to perform stem cell therapy in the U.S., the plaintiff was forced to endure surgery, blood transfusions and eight months of aggressive chemotherapy before entering remission, the case says.
    The lawsuit alleges the defendants, who own, operate and are responsible for the content on Giostar.com, have misrepresented that stem cell therapy can treat and cure diseases, including sickle cell anemia, leukemia, lymphoma and thalassemia. Further, the defendants have misrepresented the process by which patients will receive stem cell treatment, as well as the “reach and breadth” of the institution by claiming they have advanced treatment and research centers that, in truth, they do not have, the lawsuit says.
    In addition, the suit claims the parties have misrepresented the purported medical and research affiliations, overall qualifications and educational background of one of the individual defendants, a co-founder of Giostar. What’s more, three prominent scientists listed by the defendants as Giostar board members claim they have no connection with the company, and have repeatedly asked that their names be removed from its website, the case says.
    Woman Claims Giostar Misrepresented Efficacy of Stem Cell Treatment for Cancer, Other
    Diseases

    ตอบลบ