หน่วยที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่กันเป็นหมู่เหล่าตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วมีการติดต่อสื่อสารเริ่มเล่าจากปากต่อปากพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
ประวัติโดยย่อของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศเกิดการจากการรวมกันของเทคโนโลยี
2 ด้าน
คือเทคโนโลยีโทรคมนาคมกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่ละด้านมีประวัติหรือพัฒนาการ
ดังนี้
เทคโนโลยีโทรคมนาคม
เทคโนโลยีโทรคมนาคม เริ่มจากการประดิษฐ์โทรเลขของ แซมวล มอร์ส(Samual
Morse) ในปี พ.ศ. 2380 นับว่าเป็นครั้งแรกที่ข่าวสารถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปตามสายเป็นระยะทางไกลๆได้
โดยอาศัยวิธีการเข้ารหัสตัวอักษร เป็นรหัสอื่นที่ประกอบด้วยจุด (.) และขีด (-) เช่น
สัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS จะเข้ารหัสเป็น... - - - ...
การรับส่งโทรเลขได้ถูกนำมาใช้งานในเชิงการค้าตั้งแต่ พ.ศ. 2387 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ. 2401 ได้มีการวางสายเคเบิลใต้มหาสมุทรแอตแลนติก
ทำให้เกิดการสื่อสารข้ามทวีประหว่างทวีปอเมริกากับทวีปยุโรปขึ้นเป็นครั้งแรก
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่อง
มือในการคำนวณซึ่งมีวิวัฒนาการนานมาแล้ว
เริ่มจากเครื่องมือในการคำนวณเครื่องแรกคือ "ลูกคิด" (Abacus) ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน
เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแล้ว
ยุคของคอมพิวเตอร์
ยุคที่หนึ่ง (First Generation Computer) พ.ศ. 2489-2501
ยุคที่สอง (Second Generation Computer) พ.ศ. 2502-2506
ยุคที่สาม (Third Generation Computer) พ.ศ. 2507-2512
ยุคที่สี่ (Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513-2532
ยุคที่ห้า (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน
ลักษณะของระบบปัญญาประดิษฐ์
1. Cognitive Science เป็นงานที่พัฒนาบนพื้นฐานของ
ชีววิทยา จิตวิทยา และสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ประกอบด้วยระบบผู้เชี่ยวชาญหรือระบบงานความรู้ระบบเครือข่ายนิวรอน ฟัสชี่โลจิก เจนเนติกอัลกอริทึม เอเยนต์ชาญฉลาด
และระบบการเรียนรู้
2. robotics เป็นงานซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานของวิศวกรรมและสรีรศาสตร์
และเป็นการพยายามสร้างหุ่นยนต์ให้มีความฉลาดและถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์แต่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนกับมนุษย์โดยพยายามทำให้หุ่นยนต์มีทักษะให้ด้านต่างๆ
ดังต่อไปนี้คือ ทักษะในการมองเห็น ทักษะในการสัมผัส ทักษะในการหยิบจับสิ่งของ ทักษะในการเคลื่อนไหวและทักษะในการนำทางเพื่อไปยังที่หมาย
3. natural interface เป็นงานซึ่งเน้นการพัฒนาเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจในสิ่งที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์เพื่อให้มนุษย์สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรกลได้อย่างสะดวกประกอบด้วยงานด้านต่างๆดังนี้ระบบที่มีความสามารถในการเข้าใจภาษามนุษย์การพัฒนาระบบงานลักษณะนี้จะรวมเทคนิคของการจดจำคำพูดและเสียงของผู้ใช้งานได้ด้วยซึ่งจะทำให้มนุษย์สามารถพูดหรือสั่งงานกับคอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนต์ได้ด้วยภาษามนุษย์ที่ไชใช้กันทั่วไปและระบบภาพเสมือนจริงเป็นการสร้างภาพเสมือนจริงหรือภาพจำลองของเหตุการณ์โดระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งจะมีการติดตั้งตัวเซ็นเซอร์ต่างๆไว้กับอุปกรณ์ที่ใช้เป็นInput / output ของระบบด้วย
ความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คำว่า
เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบคำ 2 คำ
ได้แก่ เทคโนโลยี และ สารสนเทศ ซึ่งแต่ละคำมีความหมายดังนี้
เทคโนโลยี (Technology) เป็นคำที่มาจากรากศัพท์ภาษาละตินว่า TEXERE มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า to weave แปลว่า
สาน เรียบเรียง ถักทอ ปะติดปะต่อ และ construct แปลว่า สร้าง
ผูกเรื่อง ความรู้สึกนึกคิดที่ก่อให้เกิด ส่วนเทคโนโลยี
ในรากศัพท์ภาษากรีกมาจากคำว่า technologia แปลว่า การทำงานอย่างเป็นระบบ (systematic treatment) (วิทย์
เที่ยงบูรณธรรม, 2539)
คาร์เตอร์ วี กู๊ด (Good, 1973)
ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีว่า หมายถึง
การนำเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในวงการต่าง ๆ
โดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
เอดการ์ เดล (Dale, 1965) กล่าวว่า
เทคโนโลยีไม่ใช่เครื่องมือแต่เป็นแผนการ
วิธีการทำงานอย่างเป็นระบบที่ให้ผลบรรลุตามแผนการ
ไฮนิช และ คนอื่น ๆ (Heinech and Others, 1989)
ได้อธิบายว่าเทคโนโลยีจำแนกออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
1)เทคโนโลยีในลักษณะของกระบวนการ(process)เป็นการใช้วิทยาศาสตร์และความรู้ต่างๆที่รวบรวมไว้อย่างเป็นระบบเพื่อนำไปสู่ผลในทางปฏิบัติโดยเชื่อว่าเป็นกระบวนการที่เชื่อและนำไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆ ได้
2)เทคโนโลยีลักษณะของผลผลิต(product
and product)หมายถึง วัสดุและอุปกรณ์ที่เป็นผลมาจากการใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี เช่น
ฟิล์มภาพยนตร์เป็นผลผลิตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเช่นเดียวกับเครื่องฉาย
ภาพยนตร์ หรือหนังสือเป็นผลผลิตของเทคโนโลยีเช่นเดียวกับแท่นพิมพ์หนังสือ เป็นต้น
3)เทคโนโลยีลักษณะผสมของกระบวนการและผลผลิต (process and product) ซึ่งใช้ร่วมกันสองลักษณะเช่นเทคโนโลยีช่วยให้ระบบการรับส่งข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วทั้งนี้เป็นผลจากความก้าวหน้าของการประดิษฐ์วัสดุอุปกรณ์เพื่อการรับส่ง
ข้อมูลตลอดจนเทคนิควิธีการต่างๆเพื่อให้ระบบส่งข้อมูลเป็นไปได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วและในลักษณะของกระบวนการซึ่งไม่สามารถแยกออกจากผลผลิตได้
เช่นระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการทำงานเป็นปฏิสัมพันธ์กันระหว่างตัวเครื่องกับโปรแกรม เป็นต้น
ชัยยงค์
พรหมวงศ์ (2520)
ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีไว้ว่าตามรูปศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า Technology
ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติการ
และสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ในรูปแบบของการจัดระบบงานอันประกอบด้วยองค์สาม คือ
1)ข้อมูลที่ใส่เข้าไป ได้แก่
การกำหนดปัญหาหรือความต้องการการตั้งวัตถุประสงค์
การรวบรวมข้อมูลหรือวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องทุกแง่ทุกมุม
2)กระบวนการได้แก่ การลงมือปฏิบัติการ การแก้ปัญหา
การจำแนกแจกแจง
การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ข้อมูล
เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์
3)ผลลัพธ์คือผลที่ได้จากการแก้ปัญหาหรือการดำเนินงานสามารถวัดและประเมินผลได้นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอนทัศนะเกี่ยวกับเทคโนโลยี
จากความหมายของเทคโนโลยีดังกล่าวมาแล้วทำให้นักการศึกษามีทัศนะหรือความคิด
เห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีแตกต่างกัน
โดยแบ่งออกเป็น 2 ทัศนะคือ
1.ทัศนะด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ (science technology) มุ่งเน้นการพัฒนาวัสดุอุปกรณ์ให้เจริญก้าวหน้าด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์วิศวกรรมศาสตร์ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานสาขาต่างๆให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยทั่วไปวัสดุอุปกรณ์เทคโนโลยีมีองค์ประกอบสำคัญคือ
เครื่องยนต์ กลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
อย่างไรก็ตามเครื่องมือหรือวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้นักการศึกษาให้ความเห็นว่าเป็นเทคโนโลยีประเภทเครื่องมือ (tools technology)
2.ทัศนะด้านพฤติกรรมศาสตร์ (behavioral technology) เป็นเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นกระบวนการคิดและการทำงานอย่างเป็นระบบโดยอาศัยการผสมผสานความรู้จากศาสตร์หลายๆด้านเข้าด้วยกัน เช่น มนุษยศาสตร์
จิตวิทยาสังคม
จิตวิทยาการเรียนการสอน ประวัติศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะสำคัญของแต่ละงาน
ในบางสถานการณ์อาจนำวัสดุอุปกรณ์เข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนิน
งาน แต่เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนเท่านั้น
กระแสโลกาภิวัตน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายมากเมื่อเปรียบกับยุคก่อนมีการนำทุกเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้ในทุกสาขาอาชีพ จึงนับว่าคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต
ในปัจจุบันเราสามารถสื่อสารระหว่างกันโดยใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นที่
3 หรือ 3G ส่งสัญาณเสียงและภาพพร้อมกันโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ทำให้เรามองเห็นภาพของคู่สนทนาไปพร้อมๆกัน
ผลกระทบในทางบวกของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์
ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าวิจัยสิ่งใหม่
ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
ทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย
ผลกระทบในทางลบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทำให้เกิดอาชญากรรม
ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
ทำให้เกิดความวิตกกังวล
ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น